หน้าหลัก

ปกครองเมืองหริภุญชัย

 

ปกครองเมืองหริภุญชัย

                                                                                                         นายจารุพงศ์   พลเดช

                                                                                                      ประธานมูลนิธิเพื่อลิงลพบุรี

ตอนที่  3  ต่อจากพระนางเจ้าจามเทวีกับจังหวัดลพบุรี

            เมื่อประมาณปี  พ. ศ 1202 สุกกทันตฤาษีซึ่งเป็นสหายกับสุเทวฤาษี ได้เดินทางมาขอพระนางเจ้าจามเทวีจากพระเจ้ากรุงละโว้เพื่อไปเป็นกษัตริย์ปกครองเมืองใหม่ที่สุกกทันตฤาษีและสุเทวฤาษีได้สร้างขึ้นใหม่  เมื่อพระนางได้ปรึกษากับพระบิดาและพระสวามีแล้ว  ทั้งสองพระองค์ต่างก็อนุญาต  พระนางจึงเดินทางออกจากเมืองละโว้  (จังหวัดลพบุรีในปัจจุบัน  ) ตามคำทูลเชิญของพระฤาษี

            ในตำนานเทวีวงค์ได้กล่าวเพิ่มต่างไปว่า เวลานั้นเจ้าชายรามราชได้ออกบวชเสียแล้ว  พระนางจึงอยู่ในฐานะไร้พระสวามี ทางลำพูนจึงส่งสาสน์มาทูลขอ และทางตำนานมุขปาฐะได้กล่าวที่ได้ทรงรับครองเมืองลำพูนเพราะเมืองลำพูนกำลังเดือดร้อนด้วยขาดผู้นำและพระนานได้ระลึกถึงพระคุณท่านสุเทวฤาษีที่เคยชุบเลี้ยงมาแต่ก่อน

            การเดินทางจากกรุงละโว้ไปสู่เมืองลำพูนนั้น  พระนางได้เชิญพระเถระ  500  รูปหมู่ประขาวทั้งหลายที่ตั้งอยู่ในเบญจศีล  500  คน บัณฑิต  500  คน หมู่ช่างแกะสลัก  500  คน  ช่างแก้วแหวน  500  คน พ่อเลี้ยง  500  คน แม่เลี้ยง  500  คน หมอโหรา  500  คน หมอยา  500  คน ช่างเงิน  500  คน  ช่างทอง  500  คนช่างเหล็ก  500  คน  ช่างเขียน  500  คน หมู่ช่างต่างๆอีก  500  คน ไปด้วย โดยล่องเรือไปตามลำน้ำปิง เป็นระยะเวลานานถึง  7  เดือนและพระนางได้เชิญพระพุทธรูปสำคัญ  2  องค์คือพระแก้วขาว  ซึ่งเชื่อว่าเป็นองค์เดียวกันที่ประดิษฐาน  ณ.  วัดเชียงมั่นจังหวัดเชียงใหม่ในปัจจุบัน  2.พระรอดหลวง ซึ่งประดิษฐานที่วัดมหาวันจังหวัดลำพูน

 

            เมื่อเดินทางถึงเมืองหริภุญชัยแล้วสุเทวฤาษีและสุกกทันตฤาษีจึงกระทำพิธีราชาภิเษกพระนางขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งหริภุญชัยทรงพระนามว่า    พระนางเจ้าจามเทวี  บรมราชินี  ศรีสุริยวงค์ องค์บดินทร์ ปิ่นธานีหริภุญชัย

ศึกชิงนาง

                                      

ศึกชิงนาง

                                                                        นายจารุพงศ์  พลเดช

                                                                     ประธานมูลนิธิเพื่อลิงลพบุรี

ตอนที่  2  ต่อจากพระนางเจ้าจามเทวีกับจังหวัดลพบุรี

          เจ้าหญิงจามเทวีได้เสด็จประทับอยู่ในราชสำนัก กรุงลวปุระมาจนมีพระชนมายุได้  20  พรรษา  ปรากฏว่ามี พระสิริโฉม งดงามเป็นที่เลื่องลือ ดังคำกล่าวในตำนานว่า....ดวงพระพัตรเป็นรูปไข่  พระเนตรดำซึ้งเป็นแวววาวและต้องผู้ใดแล้วยังผู้นั้นให้ งง งวย ไปด้วยพิษเสน่หา  พระขนงโก่งเรียวยาวประดุจคันธนูขณะน้าวสาย  พระนาสิกโด่งคมสันรับกับพระพัตร  ริมพระโอษฐ์แดงระเรื่อดุจชาดป้าย  พระทนต์เรียบขาวสะอาดเป็นเงางามดุจไข่มุก  ขณะยุรยาตรพระวรกายอันอ่อนไหวให้ชวนพิศ  เวลาก้าวพระบาทนั้นประดุจพระนางหงส์ เมื่อเยี่ยงย่างกาย พระวรกายหอมดังกลิ่นดอกบัวหลวง หาสตรีใดเทียบมิได้

          เมื่อพระนางเจ้าจามเทวีมีพระชนมายุได้  20  พรรษา พระเจ้ากรุงละโว้จึงได้กระทำพิธีหมั้นหมายพระนางไว้กับเจ้าชายรามราชแห่งเมืองรามบุรี แต่ด้วยกิติศัพท์ความงดงามของพระนาง ทำให้เจ้าชายแห่งเมืองโกสัมพี (เชื่อว่าคืออานาจักรมอญหรือพม่าในเวลานั้น ) ได้ส่งบรรณาการมาสู่ขอ เมื่อได้รับการปฏิเสธ จึงแค้นพระทัย และได้ยกเข้าต่อรบกับกรุงละโว้เพื่อชิงพระนางเจ้าจามเทวี

          ตามตำนานกล่าวว่ากองทัพฝ่ายโกสัมพีมีจำนวนมากกว่า  กองทัพละโว้จึงประสบความปราชัย  ฝ่ายขุนนางก็ปรึกษากันว่าจำต้องยอมรับไมตรีเพราะสู้ไม่ได้  แต่พระนางกลับตัดสินพระทัยที่จะรบ  โดยพระนางจะเป็นผู้นำทัพเอง  โยจัดทัพหญิง  500  คน  ชาย  1000  คน และกำลังจากเมืองพันธ์มิตรเข้าทำการรบ  ล่อทัพข้าศึกเข้ามาในที่แคบแล้วตีขนาบ ทำให้กองทัพทั้งสองฝ่ายเสียหายอย่างหนัก  พระนางจึงตัดสินพระทัยให้ให้นายทัพแต่ละฝ่ายเข้าดวลอาวุธกันตัวต่อตัว  ตัวพระนางเองดวลอาวุธกับเจ้าชายแห่งโกสัมพีจนได้รับชัยชนะ  เจ้าชายจึงเชือดพระศอพระองค์เองด้วยขัตติยมานะ  กองทัพเมื่อเสียจอมทัพจึงยอมแพ้

 

          ตำนานได้ระบุว่า สงครามเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ 1196 และการอภิเษกนั้นได้มีขึ้นในอีก  2  ปีถัดมา...

อยากให้คนไทยรักกันเหมือนคนลพบุรี

 

อยากให้คนไทยรักกันเหมือนคนลพบุรี

 

                                                                                    นายจารุพงศ์   พลเดช                                                    ประธานมูลนิธิเพื่อลิงลพบุรี

          หลายท่านที่เห็นข้อความนี้  ก็คงหมั่นใส้บ้างตามสมควร ก็ต้องขออภัย แต่ที่ผมกล่าวมานั้นเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ตรงของผม และมิได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่เกิดขึ้นหลายครั้งและผมคิดว่าในอนาคตก็คงจะพบเห็นอีกเป็นแน่

          ผมเองไม่ใช่คนลพบุรีโดยกำเนิด  (ผมเกิดที่จังหวัดลำพูน  ) แต่มีโอกาสได้ไปอยู่ที่ลพบุรีในระยะเวลาอันสั้นๆเพียง  2  ปี แต่ก็มีความผูกพันกันไม่น้อย  เป็นธรรมดาอยู่เองที่จะทำให้คนรักทั้งหมดนั้นก็คงอยากดังคำกล่าวที่ว่า.........คนรักเท่าผืนหนัง  คนชังเท่าผืนเสื่อ...........ยิ่งไปทำหน้าที่ทางด้านการปกครองให้คนส่วนใหญ่อยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข  ก็ยิ่งทำให้คนรักได้ยาก

          ในปี  พ.ศ  2552  ผมออกจากลพบุรีพร้อมกับรถยนต์คันหนึ่ง ที่ กบข.เขาให้เงินมาซื้อเป็นรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์สีขาว คาดสีแสดรอบคัน ได้ทะเบียนเลขที่  ลพบุรี  กง.  59  ใช้มาถึงปัจจุบันก็เกือบ  6  ปีแล้วจะไปไหนมาไหนก็ใช้รถคันนี้โดยตลอด เหตุการณ์ที่ผมอยากเล่าก็คือ  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสดๆร้อนเมื่อวันที่  5  มิถุนายน  2558นี่เอง  ผมขับรถลงมากรุงเทพมหานครเพื่อร่วมงานกุศลศพบิดาท่านนายอำเภอธวัชชัย  โสตเนียมอดีตนายอำเภอเมืองลพบุรีที่วัดพระศรีมหาธาตุบางเขน  ในระหว่างทางก็พบรถยนต์คันหนึ่ง ขับตามมาอย่างกระชั้นชิดด้วยความเร็วและตามมาเป็นเวลานาน เมื่อมีโอกาสก็ไม่แซงไปซะที  ผมเห็นท่าไม่ดีเลยแวะเข้าปั๊มแต่ปรากฏว่าเขาก็ขับตามมาจอดข้างๆเมื่อลงไปจากรถเขาก็เดินมาหาด้วยท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใสแล้วทักว่าไปไหนมาครับ  ผมก็คนลพบุรีมาตรวจงานแล้วเลยมาส่งลูกครับ”  ทั้งๆที่ไม่เคนรู้จักกันมาก่อนเพียงเห็นรถทะเบียน  ลพบุรี เท่านั้นก็เข้ามาทักทายสนิทเหมือนญาติ

          อีกครั้งหนึ่ง ผมไปทำบุญที่วัดเจ็ดยอดในตัวเมืองเชียงใหม่  พอจอดรถเสร็จก็มีแม่ค้าคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพร้อมกับยื่นดอกไม้ให้แล้วว่า  “  ฉันเป็นคนลพบุรีจ้า  คนบ้านหมี่  มาอยู่นี่นานแล้วดีใจที่ได้เจอคนบ้านเดียวกัน

        อีกครั้งหนึ่งที่น่าตื่นเต้นมาก  ผมขับรถไปตามถนนในตัวเมืองเชียงใหม่  ถูกตำรวจนายหนึ่งเรียกให้จอดแล้วเดินเข้ามาหาด้วยท่าทางขึงขัง  ผมเองก็นึกในใจว่าตัวเองทำผิดอะไรหนอ เขาก็เข้ามาคำนับแล้วก็พูดว่า  “  พ่อผมเป็นคนลพบุรี  อยู่ที่เขาพระงามครับ ดีใจจังเลยที่เจอคนลพบุรี  คิดถึงพ่อครับ ทั้งๆที่เขาไม่รู้ว่าผมเป็นใครไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

 

          ผมอยากให้คนไทยรักกันเหมือนคนลพบุรีครับ.............

คณะกรรมการบริหารมูลนิธิชุดใหม่

 

คณะกรรมการบริหารมูลนิธิชุดใหม่

                                                                                         นายจารุพงศ์   พลเดช

                                                                                         ประธานมูลนิธิเพื่อลิงลพบุรี

          ด้วยมูลนิธิเพื่อลิงลพบุรีได้ดำเนินการบริหารมูลนิธิตามข้อบังคับของมูลนิธิเพื่อลิงลพบุรีมาเป็นเวลา

  4  ปีเศษแล้วซึ่งข้อบังคับหมวดที่  5  ว่าด้วยการดำเนินงานของมูลนิธิในข้อ  12  ได้กำหนดให้กรรมการมูลนิธิ

อยู่ในตำแหน่งคราวละ  4  ปี นับตั้งแต่วันที่  31  สิงหาคม  พ.ศ  2552  เดิมนั้นมีกรรมการมูลนิธิเพื่อลิงลพบุรี

อยู่จำนวน  21  ท่าน เมื่อครบวาระตามข้อบังคับ ได้มีการประชุมคณะกรรมการมูลนิธิเพื่อพิจารณาแต่งตั้งคณะ

กรรมการบริหารมูลนิธิชุดใหม่  โดยคณะกรรมการได้มีมติร่วมกันที่จะเสนอให้นายทะเบียนจังหวัดลพบุรี 

(ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีเป็นนายทะเบียน  ) ลงนามแต่งตั้ง  ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ 

          โดยมีรายชื่อคณะกรรมการชุดใหม่ดังต่อไปนี้

            1.นายจารุพงศ์             พลเดช                          ประธานกรรมการมูลนิธิ

            2.นายธวัชชัย               โสตเนียม                     รองประธานกรรมการมูลนิธิ

            3.นายโรจน์                  ตุลยากร                      กรรมการ

            4.พ.ท.วิรัตน์                 ภู่เพียงใจ                     กรรมการ

            5.นายคูณ                    อินทรพานิช                  กรรมการ

            6.พ.ท.สง่า                   ประสิทธิ์ศาสตร์             กรรมการ

            7.นายเดชา                  ปั้นสะอาด                    กรรมการ

            8.นายศิริชัย                 อัมพร                          กรรมการ

            9.นางสาวระวีวรรณ     มีแพง                            กรรมการ

            10.พ.อ.ณรงค์              จันทร์สืบสาย                 กรรมการ

            11.นายสมมาต            ประพาฬวงค์                  กรรมการ

            12.นายสำเริง              เอี่ยมสะอาด                  กรรมการ

            13.นายสิทธิชัย            พฤกษ์พงศ์พันธุ์              กรรมการ        

            14.นางวรรณภา          สายหัสดี                        กรรมการ        

            15.นายสุวัฒน์             แสนทวี                        กรรมการและเหรัญญิก

            16.นายชาญวุฒิ          เจิมจำรูญ                      กรรมการและผู้ช่วยเหรัญญิก

            17.นายมนัส                วิมุกติพันธ์                   กรรมการและเลขาธิการ

            18.นางเยาวภา            เดชฤดี                         กรรมการและผู้ช่วยเลขาธิการ

...